เคลือบฟลูออไรด์ ปกป้องฟันจากผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงได้จริงหรอ
Last updated: 6 Aug 2025
21 Views
เคลือบฟลูออไรด์ ปกป้องฟันจากผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงได้จริงหรอ
การดูแลสุขภาพช่องปากไม่ใช่แค่การแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน และลดโอกาสฟันผุได้ นั่นก็คือ การเคลือบฟลูออไรด์ แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าการเคลือบฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุได้จริงผลหรือไม่ และเหมาะกับใครบ้าง วันนี้เราจะพามาไขข้อสงสัยกัน
หัวข้อที่น่าสนใจ
1.เคลือบฟลูออไรด์คืออะไร
2.ประโยชน์ของการเคลือบฟลูออไรด์
3.เคลือบฟลูออไรด์ต้องทำบ่อยแค่ไหน
4.ข้อแนะนำการดูแลหลังเคลือบฟลูออไรด์
5.สรุปการเคลือบฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงได้จริงไหม
เคลือบฟลูออไรด์คืออะไร
การเคลือบฟลูออไรด์ คือกระบวนการทางทันตกรรมที่ใช้ฟลูออไรด์เข้มข้นในการเคลือบบนผิวฟัน เพื่อเสริมความแข็งแรงของเนื้อฟัน และป้องกันฟันผุ โดยทันตแพทย์จะเริ่มจากการทำความสะอาดฟันให้สะอาดหมดจดก่อน เพื่อให้สารฟลูออไรด์สามารถยึดเกาะกับผิวฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ฟลูออไรด์ เป็นสารประกอบของแร่ธาตุ ฟลูออรีน ซึ่งพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในน้ำดื่ม อาหารบางชนิด เช่น ปลา แครอท มะละกอ กะหล่ำปลี และเนื้อสัตว์ โดยสารนี้มีคุณสมบัติช่วยเสริมแร่ธาตุให้กับผิวฟัน ทำให้ฟันแข็งแรง และสามารถชะลอหรือยับยั้งการเกิดฟันผุในระยะเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบันการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่:
แบบรับประทาน เช่น เม็ดฟลูออไรด์หรือน้ำฟลูออไรด์
แบบใช้ประจำวัน เช่น ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ผสม
แบบใช้ในคลินิก คือ ฟลูออไรด์เข้มข้นที่ใช้โดยทันตแพทย์ในการเคลือบฟัน
การเคลือบฟลูออไรด์โดยทันตแพทย์จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลสุขภาพฟันที่ปลอดภัยและได้ผลดี ช่วยลดความเสี่ยงของฟันผุ และเหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กและผู้ที่มีแนวโน้มเกิดฟันผุง่าย
ประโยชน์ของการเคลือบฟลูออไรด์
1.ช่วยป้องกันฟันผุ
การเคลือบฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวฟัน ทำให้ฟันทนทานต่อกรดจากแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุได้ดีขึ้น
2.เสริมสร้างฟันให้แข็งแรง
ช่วยฟื้นฟูผิวเคลือบฟันที่ถูกกรดทำลาย โดยกระตุ้นการสร้างแร่ธาตุในฟัน ทำให้ฟันแข็งแรงขึ้น
3.ช่วยลดอาการเสียวฟัน
บางกรณีการเคลือบฟลูออไรด์ช่วยลดอาการเสียวฟันได้ เพราะช่วยปกป้องผิวฟันจากการระคายเคือง
4.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุ
การเคลือบฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียที่ผลิตกรด ซึ่งทำลายผิวฟัน
5.ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุในระยะยาว
เมื่อเคลือบฟลูออไรด์อย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของทันตแพทย์ จะช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุในอนาคต
เคลือบฟลูออไรด์ต้องทำบ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไปทันตแพทย์จะแนะนำให้เคลือบฟลูออไรด์ ทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อฟันผุ และพฤติกรรมการดูแลช่องปากของแต่ละบุคคล
โดยสามารถแบ่งความถี่ในการเคลือบฟลูออไรด์ตามระดับความเสี่ยงได้ดังนี้
กลุ่มเสี่ยงต่ำ : แนะนำให้เคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
กลุ่มเสี่ยงปานกลาง : แนะนำให้เคลือบทุก 6 เดือน
กลุ่มเสี่ยงสูง : แนะนำให้เคลือบทุก 3 เดือน
การเข้าพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถวางแผนการเคลือบฟลูออไรด์ได้อย่างเหมาะสมกับสุขภาพฟันของแต่ละคน
ข้อแนะนำการดูแลหลังเคลือบฟลูออไรด์
หลังจากการเคลือบฟลูออไรด์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราควรใส่ใจในการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนี้
1.งดบ้วนปาก: หลังเคลือบเสร็จ ไม่ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าในช่วง 30 นาทีแรก
2.งดทานอาหาร และเครื่องดื่ม: ควรงดน้ำ และอาหารอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์ซึมซาบลงบนผิวฟันได้ดี
3.หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง และเหนียว: ภายใน 2 ชั่วโมงแรก ควรเลี่ยงของกินที่แข็งหรือเหนียว และควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนแทน
4.งดแปรงฟันในวันแรก: หลังเคลือบฟลูออไรด์ไม่ควรแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันในวันเดียวกัน ควรเริ่มดูแลตามปกติในวันถัดไป
5.รักษาความสะอาดสม่ำเสมอ: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยแปรงและยาสีฟันที่มีคุณภาพ และอย่าลืมใช้ไหมขัดฟัน รวมถึงบ้วนปากหลังมื้ออาหาร
6.ไม่ต้องกังวลหากมีคราบเหลือง: หากมีคราบเหลืองหลังการเคลือบฟลูออไรด์ถือเป็นเรื่องปกติ และจะหายไปเองภายใน 23 วัน
7.ตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน: เพื่อดูแลสุขภาพฟันระยะยาว ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำ
8.หากมีอาการผิดปกติ รีบพบหมอฟันทันที: เช่น มีอาการระคายเคือง เจ็บ หรือฟันเปลี่ยนสีผิดปกติ
คำแนะนำเพิ่มเติม: การเคลือบฟลูออไรด์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพช่องปาก การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ และการใช้ไหมขัดฟัน ก็มีความสำคัญเช่นกัน
สรุปการเคลือบฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงได้จริงไหม
คำตอบคือ ได้จริง การเคลือบฟลูออไรด์เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ เสริมความแข็งแรงของเคลือบฟัน และเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยควรทำควบคู่กับการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม เช่น การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง การใช้ไหมขัดฟัน และการพบทันตแพทย์เป็นประจำ
PASOOK Dental Clinic พร้อมดูแลทุกรอยยิ้ม
PASOOK Dental Clinic พร้อมให้บริการเคลือบฟลูออไรด์โดยทีมทันตแพทย์โดยมีการประเมินสุขภาพช่องปากอย่างแม่นยำ เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงวัย ก็สามารถรับการดูแลอย่างอุ่นใจ ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์จริง อย่างที่เราต้องการให้ทุกคน พาสุข..ทุกรอยยิ้ม
การดูแลสุขภาพช่องปากไม่ใช่แค่การแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน และลดโอกาสฟันผุได้ นั่นก็คือ การเคลือบฟลูออไรด์ แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าการเคลือบฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุได้จริงผลหรือไม่ และเหมาะกับใครบ้าง วันนี้เราจะพามาไขข้อสงสัยกัน
หัวข้อที่น่าสนใจ
1.เคลือบฟลูออไรด์คืออะไร
2.ประโยชน์ของการเคลือบฟลูออไรด์
3.เคลือบฟลูออไรด์ต้องทำบ่อยแค่ไหน
4.ข้อแนะนำการดูแลหลังเคลือบฟลูออไรด์
5.สรุปการเคลือบฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงได้จริงไหม
เคลือบฟลูออไรด์คืออะไร
การเคลือบฟลูออไรด์ คือกระบวนการทางทันตกรรมที่ใช้ฟลูออไรด์เข้มข้นในการเคลือบบนผิวฟัน เพื่อเสริมความแข็งแรงของเนื้อฟัน และป้องกันฟันผุ โดยทันตแพทย์จะเริ่มจากการทำความสะอาดฟันให้สะอาดหมดจดก่อน เพื่อให้สารฟลูออไรด์สามารถยึดเกาะกับผิวฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ฟลูออไรด์ เป็นสารประกอบของแร่ธาตุ ฟลูออรีน ซึ่งพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในน้ำดื่ม อาหารบางชนิด เช่น ปลา แครอท มะละกอ กะหล่ำปลี และเนื้อสัตว์ โดยสารนี้มีคุณสมบัติช่วยเสริมแร่ธาตุให้กับผิวฟัน ทำให้ฟันแข็งแรง และสามารถชะลอหรือยับยั้งการเกิดฟันผุในระยะเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบันการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่:
แบบรับประทาน เช่น เม็ดฟลูออไรด์หรือน้ำฟลูออไรด์
แบบใช้ประจำวัน เช่น ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ผสม
แบบใช้ในคลินิก คือ ฟลูออไรด์เข้มข้นที่ใช้โดยทันตแพทย์ในการเคลือบฟัน
การเคลือบฟลูออไรด์โดยทันตแพทย์จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลสุขภาพฟันที่ปลอดภัยและได้ผลดี ช่วยลดความเสี่ยงของฟันผุ และเหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กและผู้ที่มีแนวโน้มเกิดฟันผุง่าย
ประโยชน์ของการเคลือบฟลูออไรด์
1.ช่วยป้องกันฟันผุ
การเคลือบฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวฟัน ทำให้ฟันทนทานต่อกรดจากแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุได้ดีขึ้น
2.เสริมสร้างฟันให้แข็งแรง
ช่วยฟื้นฟูผิวเคลือบฟันที่ถูกกรดทำลาย โดยกระตุ้นการสร้างแร่ธาตุในฟัน ทำให้ฟันแข็งแรงขึ้น
3.ช่วยลดอาการเสียวฟัน
บางกรณีการเคลือบฟลูออไรด์ช่วยลดอาการเสียวฟันได้ เพราะช่วยปกป้องผิวฟันจากการระคายเคือง
4.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุ
การเคลือบฟลูออไรด์มีคุณสมบัติในการยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียที่ผลิตกรด ซึ่งทำลายผิวฟัน
5.ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุในระยะยาว
เมื่อเคลือบฟลูออไรด์อย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของทันตแพทย์ จะช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุในอนาคต
เคลือบฟลูออไรด์ต้องทำบ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไปทันตแพทย์จะแนะนำให้เคลือบฟลูออไรด์ ทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อฟันผุ และพฤติกรรมการดูแลช่องปากของแต่ละบุคคล
โดยสามารถแบ่งความถี่ในการเคลือบฟลูออไรด์ตามระดับความเสี่ยงได้ดังนี้
กลุ่มเสี่ยงต่ำ : แนะนำให้เคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
กลุ่มเสี่ยงปานกลาง : แนะนำให้เคลือบทุก 6 เดือน
กลุ่มเสี่ยงสูง : แนะนำให้เคลือบทุก 3 เดือน
การเข้าพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถวางแผนการเคลือบฟลูออไรด์ได้อย่างเหมาะสมกับสุขภาพฟันของแต่ละคน
ข้อแนะนำการดูแลหลังเคลือบฟลูออไรด์
หลังจากการเคลือบฟลูออไรด์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราควรใส่ใจในการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนี้
1.งดบ้วนปาก: หลังเคลือบเสร็จ ไม่ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าในช่วง 30 นาทีแรก
2.งดทานอาหาร และเครื่องดื่ม: ควรงดน้ำ และอาหารอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์ซึมซาบลงบนผิวฟันได้ดี
3.หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง และเหนียว: ภายใน 2 ชั่วโมงแรก ควรเลี่ยงของกินที่แข็งหรือเหนียว และควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนแทน
4.งดแปรงฟันในวันแรก: หลังเคลือบฟลูออไรด์ไม่ควรแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันในวันเดียวกัน ควรเริ่มดูแลตามปกติในวันถัดไป
5.รักษาความสะอาดสม่ำเสมอ: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยแปรงและยาสีฟันที่มีคุณภาพ และอย่าลืมใช้ไหมขัดฟัน รวมถึงบ้วนปากหลังมื้ออาหาร
6.ไม่ต้องกังวลหากมีคราบเหลือง: หากมีคราบเหลืองหลังการเคลือบฟลูออไรด์ถือเป็นเรื่องปกติ และจะหายไปเองภายใน 23 วัน
7.ตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน: เพื่อดูแลสุขภาพฟันระยะยาว ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำ
8.หากมีอาการผิดปกติ รีบพบหมอฟันทันที: เช่น มีอาการระคายเคือง เจ็บ หรือฟันเปลี่ยนสีผิดปกติ
คำแนะนำเพิ่มเติม: การเคลือบฟลูออไรด์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพช่องปาก การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ และการใช้ไหมขัดฟัน ก็มีความสำคัญเช่นกัน
สรุปการเคลือบฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงได้จริงไหม
คำตอบคือ ได้จริง การเคลือบฟลูออไรด์เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุ เสริมความแข็งแรงของเคลือบฟัน และเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยควรทำควบคู่กับการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม เช่น การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง การใช้ไหมขัดฟัน และการพบทันตแพทย์เป็นประจำ
PASOOK Dental Clinic พร้อมดูแลทุกรอยยิ้ม
PASOOK Dental Clinic พร้อมให้บริการเคลือบฟลูออไรด์โดยทีมทันตแพทย์โดยมีการประเมินสุขภาพช่องปากอย่างแม่นยำ เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงวัย ก็สามารถรับการดูแลอย่างอุ่นใจ ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์จริง อย่างที่เราต้องการให้ทุกคน พาสุข..ทุกรอยยิ้ม
Tags :
Related Content
วีเนียร์ กับ ครอบฟัน ต่างกันอย่างไร? บทความนี้อธิบายชัดเจน พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย และคำแนะนำการเลือกให้เหมาะกับคุณ โดยคลินิกทำฟันพาสุข