ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี? หมอตอบครบทุกช่วงวัย

หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่หมอฟันมักพบเจอมากที่สุดคือ ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี? ซึ่งเป็นคำถามที่เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันให้กระจ่างในบทความนี้ ถ้าจะให้คำตอบแบบไว ๆ สำหรับคำถาม ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี? ก็คงตอบได้เลยว่าจริง ๆ แล้วจัดฟันได้ทุกช่วงอายุ แต่ละช่วงอายุมีข้อดีข้อจำกัดต่างกันไป วันนี้หมอขออธิบายให้ครบทุกมุม เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าตัวเอง ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี ถึงจะเหมาะที่สุด
การจัดฟันคืออะไร?
ก่อนจะตัดสินใจว่า ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ เราต้องรู้ก่อนว่าการจัดฟันจริง ๆ แล้วคืออะไร และช่วยอะไรเราได้บ้าง การจัดฟันคือการรักษาที่ช่วยแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันและโครงสร้างขากรรไกรให้สมดุลขึ้น ด้วยการใช้แรงดันอย่างเหมาะสมเพื่อค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง
การจัดฟันไม่ใช่เรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อ ความสุขภาพดีในระยะยาว เพราะฟันที่เรียงตัวดีจะช่วยให้เคี้ยวอาหารได้มีประสิทธิภาพ ลดปัญหาฟันสึก ฟันล้ม เหงือกร่น รวมถึงลดโอกาสเจ็บข้อต่อกรามในอนาคต นอกจากนี้การจัดฟันยังช่วยแก้ปัญหาฟันยื่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันกัดคร่อม และสบฟันผิดปกติชนิดต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
การจัดฟันคือการลงทุนด้านสุขภาพช่องปากที่คุ้มค่าในระยะยาว ยิ่งรู้ว่า ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ และเริ่มในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งสวย อยู่ได้นาน และทำรักษาได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่? คำถามนี้สำคัญอย่างไร

ก่อนจะบอกว่าควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี? เราต้องรู้ก่อนว่าการจัดฟันเป็นการควบคุมการเคลื่อนตัวของฟันและกระดูกขากรรไกร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบสนองดีมากในช่วงวัยเด็กวัยรุ่น แต่ก็ยังสามารถปรับแก้ได้ในวัยผู้ใหญ่ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลานานขึ้น ดังนั้นการรู้ว่า ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ จึงช่วยให้วางแผนการรักษาได้เหมาะสมที่สุด ทั้งเรื่อง งบประมาณ เวลา และผลลัพธ์
ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่? หมอแนะนำตามช่วงวัย
เพื่อให้คนไข้ได้มีความมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจเลือกจัดฟัน ไปลองดูกันว่า แต่ละช่วงอายุนั้นควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลที่เป็รประโยชน์ให้กับตัวคนไข้เอง หรือผู้ปกครอง
ช่วงอายุ 6-11 ปี (ช่วงฟันผสม) - เริ่มเช็กสัญญาณแรกของปัญหา
หลายคนไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเด็กอายุ 6-11 ปีคือช่วงที่ควรตรวจคัดกรองการจัดฟันครั้งแรก เพราะขากรรไกรกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถมองเห็นปัญหาของฟันเก หรือฟันซ้อนได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยมีความสำคัญดังนี้
- ฟันน้ำนมและฟันแท้เริ่มสลับกันขึ้น
- ตรวจพบฟันเก ฟันซ้อน ฟันล้ม ฟันยื่นตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หากมีปัญหาขากรรไกร เช่น ล่างยื่น บนคว่ำ ช่วงนี้แก้ได้ง่ายมากด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง
เด็กส่วนใหญ่ยังไม่จำเป็นต้องจัดฟันถาวรในช่วงนี้ แต่หมอจะเริ่มประเมินว่าต่อไป ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ เพื่อออกผลลัพธ์ดีที่สุด
ช่วงอายุ 12-18 ปี (วัยรุ่น) - ช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการจัดฟัน
นี่คือคำตอบยอดนิยมของคำถาม ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่? คำตอบคือช่วงวัยรุ่นอายุ 12-18 ปี เป็นช่วงที่เหมาะที่สุด เพราะเหตุผลดังนี้
- ฟันแท้ขึ้นครบแล้ว
- กระดูกฟันยังเคลื่อนตัวได้ดี
- ใช้เวลาจัดฟันไม่นานเกินไป
- เจ็บน้อยกว่า และผลลัพธ์สวยกว่าในหลายกรณี
นี่จึงเป็นช่วงที่หมอแนะนำมากที่สุดสำหรับผู้ปกครองที่กำลังวางแผนให้ลูกจัดฟัน
ช่วงอายุ 19-30 ปี - จัดฟันได้สวยเหมือนกัน ผลลัพธ์ดีมาก
ช่วงนี้เป็นวัยที่คนไข้มักมาปรึกษามากที่สุด เพราะเริ่มทำงาน มีรายได้ และให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์ และที่สำคัญหลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเลยช่วงวัยรุ่นมาแล้วไม่สามารถจัดฟันได้แล้ว แต่ความจริงแล้วช่วงอายุนี้ยังคงจัดฟันได้อยู่ แถมได้ผลลัพธ์ที่ดีด้วย โดยมีข้อดีดังนี้
- ฟันแข็งแรง
- ดูแลตัวเองได้ดี
- ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่องได้ง่าย
- เครื่องมือจัดฟันแบบใส (Invisalign / Clear aligners) ได้ผลดีมากในช่วงวัยนี้
คนวัยทำงานจำนวนมากมักถามหมอว่า ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ถ้าเลยวัยรุ่นมาแล้ว? คำตอบคือ 1930 ปี ยังเหมาะสมมาก และเห็นผลชัดเจนเหมือนวัยรุ่นได้เลย
อายุ 30-45 ปี - ยังจัดฟันได้ แต่ต้องประเมินสุขภาพฟันมากขึ้น
ในปัจจุบัน คนไข้อายุ 30+ ที่มีความต้องการอยากจะจัดฟันเยอะขึ้นมากทุกปี เพราะหลายคนอยากแก้ฟันซ้อน ฟันยื่น หรือฟันผิดปกติที่สะสมมานาน ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะยังไม่มีโอกาสได้มารักษาจริง ๆ จัง ๆ ซึ่งหากอยากจะจัดฟันในช่วงนี้แน่นอนว่าก็ยังคงจัดฟันได้อยู่เช่นกัน แต่ต้องมีข้อควรระวังดังนี้
- ต้องตรวจเหงือก ฟันผุ หินปูนให้เรียบร้อยก่อน
- การเคลื่อนฟันอาจช้ากว่าวัยรุ่นเล็กน้อย
- หากมีฟันล้ม ฟันหาย อาจต้องใช้การจัดฟันร่วมกับงานฟันปลอม/รากฟันเทียม
หมอจะให้คำแนะนำแบบเฉพาะเคส เพราะการประเมินว่าคนวัยนี้ ควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ ต้องดูสุขภาพช่องปากประกอบด้วย ทางที่ดีควรลองปรึกษาทันตแพทย์ดูก่อนจะดีที่สุด
อายุ 45 ปีขึ้นไป - จัดฟันได้ แต่ต้องตรวจละเอียดเป็นพิเศษ
ถึงอายุ 45+ จะไม่ใช่ช่วงที่หมอแนะนำให้เริ่มจัดฟันเป็นหลัก แต่ก็มีกลุ่มคนไข้ที่ยังสามารถจัดฟันได้ในช่วงวัยนี้เช่นกัน แต่จะต้องมีการตรวจสุขภาพฟันแบบละเอียดดังนี้
- สุขภาพเหงือกและกระดูกฟัน
- โรคปริทันต์
- การสบฟันที่อาจส่งผลต่อข้อต่อกราม
ถ้าฟันแข็งแรง ทั้งยังต้องการปรับความสวยงาม เช่น ปิดช่องว่าง ฟันล้ม หรือซี่เก จะยังจัดได้อยู่ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง
จัดฟันมีกี่แบบ? แบบไหนเหมาะกับใคร

เมื่อรู้แล้วว่าควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี มาลองดูข้อมูลกันต่ออีกสักนิดว่า การจัดฟันมีกี่แบบ และคนไข้แต่ละเคสเหมาะกับการจัดฟันแบบไหนบ้าง
การจัดฟันนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ และ 4 ประเภท คือ
1.จัดฟันแบบติดเครื่องมือ
จัดฟันโลหะ (Metal Braces)
เป็นแบบดั้งเดิมที่หลายคนนึกถึงเวลาพูดถึงการจัดฟัน เหมาะสำหรับเคสที่ต้องการควบคุมการเคลื่อนฟันเยอะ และมีปัญหาฟันค่อนข้างซับซ้อน เช่น ฟันยื่น ฟันกัดคร่อม หรือฟันซ้อนมาก ข้อดีคือแข็งแรง ราคาเข้าถึงง่าย และแก้เคสยาก ๆ ได้ดีมาก จึงเป็นตัวเลือกที่หมอแนะนำบ่อยสำหรับวัยรุ่น และคนที่ต้องการผลลัพธ์แม่นยำที่สุด
จัดฟันเซรามิก (Ceramic Braces)
เหมือนจัดฟันโลหะ แต่ใช้ยางและ Bracket สีขาว ทำให้ดูเนียนกว่า ได้ความสวยงามและความมั่นใจมากขึ้น จึงเหมาะกับวัยทำงานหรือคนที่ต้องพบปะลูกค้าเป็นประจำ ใช้เวลาจัดฟันพอ ๆ กับแบบโลหะ แต่ดูนุ่มนวลกว่าเวลายิ้ม
จัดฟันแบบดามอน (Damon)
เป็นเหล็กจัดฟันชนิดพิเศษที่ไม่ใช้ยางรัด ทำให้ฟันเคลื่อนเร็วกว่า และเจ็บน้อยกว่าแบบโลหะทั่วไป เหมาะกับคนที่ต้องการเวลารักษาสั้นลง และอยากได้ความสะดวกสบาย
2.จัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ
จัดฟันแบบใส (Clear Aligners / Invisalign)
เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องติดเหล็ก สามารถถอดออกได้ และแทบมองไม่เห็น เหมาะมากสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพ หรือคนที่ไม่สะดวกใส่เหล็กนาน ๆ ข้อดีคือเจ็บน้อยกว่า ทำความสะอาดง่าย และใช้ชีวิตประจำวันได้คล่องตัว แต่ต้องใส่ตามระยะเวลาที่หมอกำหนดเพื่อให้เห็นผลดี
สรุปแล้วควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ถึงดีที่สุด?
บทสรุปสำหรับคำถามที่ว่าควรจัดฟันตอนอายุเท่าไหร่ดี? เราเรียงลำดับช่วงอายุมาให้ดังนี้เลย
- ช่วงวัยรุ่น 12-18 ปี = ดีที่สุด เหมาะที่สุด
- ช่วงวัยทำงาน 19-30 ปี = ผลลัพธ์ดี ดูแลตัวเองง่าย
- อายุ 30-45 ปี = จัดได้ แต่ต้องตรวจสุขภาพฟันละเอียด
- อายุ 45+ = ทำได้ในบางเคสเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่อายุเพียงอย่างเดียว แต่คือการ ประเมินสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เฉพาะทาง ก่อนเริ่มจัดฟันทุกครั้ง และควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีตลอดระยะเวลาการจัดฟัน เพื่อให้ส่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


